หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2556

สวนน้ำ อันดับ 2 ของโลก

Siam Park, Tenerife, The Canary Islands

          Siam Park  ประกอบด้วย สวนนกและการแสดงสัตว์ Loro Parque  สวนน้ำ สวนสนุก Siam Park โ รงแรมห้าดาวและสปา Botanico & Oriental Spa ตั้งอยู่เกาะเตเนรีเฟ่ หมู่เกาะคานารีส์เป็นส่วนหนึ่งของสเปนตั้งอยู่ตอนเหนือของแอฟริกานอกชายฝั่งประเทศโมรอกโก หมู่เู่กาะนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวชายทะเลที่เป็นที่นิยม ของชาวยุโุรป ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวมากกว่า่ 10 ล้า้นคนต่อปี


               สยามปาร์ค แห่งนี้ตั้งอยู่ติดกับทะเล ภายในประกอบไปด้วยสวนน้ำขนาดใหญ่ เครื่องเล่นที่พร้อมให้บริการหลากหลายรูปแบบ ภัตตาคารอาหาร และตกแต่งด้วยสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่จำนวน 25 อย่าง ซึ่งการออกแบบ และตกแต่งเป็นการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมไทย และสถาปัตยกรรมเอเชีย เป็นการผสมผสานอย่างกลมกลืน สวยงาม และอลังการ 





สวนนก Loro Parque เปิดกิจการมาแล้ว 40 ปีมีสัตว์ชนิดต่า่งๆมากมาย มีการแสดงปลาโลมา ปลาวาฬ นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นที่รู้จักกว้างขวางในเกาะ แต่ละปีมี นักท่องเที่ยวเขา้ชม มากกวา่ 2 ล้านคน ภายในสวนมีการตกแต่ง แบบไทย(บ้า้นไทยและการตกแตง่ อี่นๆ)
สวนน้ำ Siam Park เปิดกิจการได้ 4 ปีเป็นสวนสนุกและสวนน้ำ ขนาดใหญ่ในเกาะ ใช้การตกแต่งแบบไทย(ยักษ์แ์ละสัตว์ในวรรณคดีไทยเช่น โนรี สิงห์เป็นต้น )
             ผู้ก่อตั้ง คือ นาย  Wolfgang Kiessling ซึ่งเป็นกงสุลกิตติมศักด์ของไทยประจำ หมู่เู่กาะคานารีส์ประเทศสเปน มีความรักในศิลปแบบไทยและมีความประทับใจในประเทศไทยการออกแบบในโรงแรม สวนนกและสวนน้ำ จึงใช้แ้บบไทยและมีการจ้า้งงานไทยจำนวนมาก
          Wolfgang Kiessling  เป็นซีอีโอของ Loro Parques ใน Puerto de la Cruz (Tenerife) และเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของเยอรมนีในต่างประเทศ เขาประสบความสำเร็จในธุรกิจและความมุ่งมั่นในการปกป้องสิ่งแวดล้อมและสายพันธุ์ของเขา
Wolfgang Kiessling ได้รับรางวัลมากมาย เช่น "ผู้ประกอบการแห่งปี" ในสเปนและได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ "รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้า Felipe" สำหรับความสำเร็จของผู้ประกอบการที่โดดเด่นในด้านของการท่องเที่ยว
22 กรกฎาคม 2554 ที่เกาะ Tenerife สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้จัดพิธีมอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้แก่นาย Wolfgang Friedrich Kiessling กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำหมู่เกาะคานารี (The Canary Islands)  ในฐานะที่ได้ปฏิบัติงานอันเป็นคุณประโยชน์อย่างยิ่งต่อประเทศไทยมาเป็นระยะเวลา 16 ปี ซึ่งนาย Wolfgang Kiessling ได้แสดงความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่ได้พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นเกียรตินี้ 
          Christoph Kiessling ผู้อำนวยการสวนสวนสยาม
           ผู้ออกแบบคือ รศ.ฤทัย ใจจงรัก ศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะสถาปัตยกรรม 


พิธีเปิดสยามปาร์ค
วันจันทร์ที่ 15 กันยายน 2008 สมเด็จพระเทพฯ เสด็จเปิดสวนสยาม ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี จาก Wolfgang Kiessling  ประธานสวนสยาม และ Christoph Kiessling ผู้อำนวยการสวนสวนสยาม
พิธีเปิดมีผู้เข้าร่วมโดยบุคคลสำคัญในท้องถิ่นจำนวนมากรวมทั้งประธานาธิบดีของ Cabildo เทเนรีฟและกรรมการผู้จัดการใหญ่ของ Cabildo ของหมู่เกาะคานารี


สวนจะที่ใหญ่ที่สุดในโลกและส่วนใหญ่จะสวนน้ำตามด้วยกลิ่นไอของประเทศไทย ยามเย็นที่น่าทึ่งของความบันเทิง ดนตรีและการเต้นรำจากประเทศไทย เพื่อมอบความสุขรำไทยแบบดั้งเดิมเช่นเดียวกับศิลปะและงานฝีมือโบราณจากสยามเป็นประเทศไทยเป็นที่รู้จัก และตามมาด้วยเพลง Canarian แบบดั้งเดิมและการเต้นรำ

นายกเทศมนตรีของ Adeje และเขต Arona ให้กล่าวสุนทรพจน์ต้อนรับการเปิดตัวของสวนสนุก


ด้านซ้าย Senor  Paulino Riveroคือประธานของหมู่เกาะคานารีและอยู่ด้านหลังกลาง Senor Ricardo Melchior คือประธานเทเนรีฟ
ประธานของหมู่เกาะคานารี, Senor PaulinoRiveroขอแสดงความยินดี Christoph Kiessling (ซ้าย) 


สยามปาร์คได้ครองสถิติโลกถึง 5 ประเภทด้วยกัน คือ
สวนน้ำวนที่ยาวที่สุดในโลก
 สวนน้ำวนที่สูงที่สุดในโลก มีความแตกต่างของแต่ละระดับถึง 8 เมตร
คลื่นเทียมที่ใหญ่ที่สุดในโลก
สวนน้ำที่มีเครื่องเล่นทางน้ำครบครันที่สุดในโลก
หมู่บ้านทรงไทยตั้งอยู่ภายนอกประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก ประกอบด้วย 25 อาคาร
โดยสวนน้ำแห่งนี้มีแบ่งออกเป็น 10 โซน 15 เครื่องเล่น

Tower of Power สไลเดอร์ยักษ์สูง 28 เมตร
Siam Beachเพลิดเพลินกับหายทรายขาวทั้งใหญ่และกว้างเหมือนมาทะเลเมืองไทย
The Dragon กรวยน้ำยักษ์ให้เรานั่งยางไหลตามน้ำผ่านอุโมงค์ขนาดใหญ่
The Giant เรานั่งเรือยางไหลตามน้ำผ่านอุโมงค์ลอดปากยักษ์ไทย
Jungle Snakeให้เราล่องแก่งด้วยความเร็วสูง ในบรรยากาศป่าดงดิบ กับงูขนาดใหญ่
Lazy River แม่น้ำจำลองขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ให้เราลอยไปตามสายน้ำเพื่อผ่อนคลาย
Lost Cityโซนสำหรับเด็ก ที่จำลองเมืองอารยธรรมโบราณที่หายสาบสูญไป
Makong Rapidsให้บรรยากาศการนั่งแพยางขนาดใหญ่ ล่องไปตามสายน้ำเชี่ยวกราดของแม่น้ำโขง ความสนุกสำหรับครอบครัว
Naga Racerสไลด์เดอร์แบบหลายรางอย่างที่มีในเมืองไทย แต่มีให้เราเล่นในบรรยากาศบันไดวัดไทย ที่มีพญานาคขนาบข้าง
Wave Palaceโซนทะเลที่มีคลื่นซัดกระหน่ำตลอดเวลา มีกระดานโต้คลื่นให้เล่นได้







สองคู่บ่าวสาวหนุ่มชาวพื้นเมืองของซาน Lucar de Barrameda และมีความสุขกับฮันนีมูนของพวกเขาใน Tenerife, ในครั้งแรกอย่างเป็นทางการลูกค้าสยาม สวนสาธารณะ Loli ริกัวซ์ฆวิดัล, ราฟาเอลเวโรนิกา Cazares Laz และแสดงความตื่นเต้นของพวกเขาที่เข้ามาในบริเวณที่ตามที่อธิบายไว้เป็นสวนสนุกที่สวยงามที่สุดในยุโรป พวกเขากล่าวว่าพวกเขาคิดว่าทันทีแนะนำให้เพื่อนของคุณบนคาบสมุทร "เป็นดีที่สุด."


Christoph Kiessling ให้การต้อนรับสำหรับลูกค้ารายแรก

เอดูอาร์ Pommer, เยอรมันจากCologne อายุ 88



Eduard Pommer, เยอรมันจาก Cologne, อายุ 88 ทำสถิติใหม่สำหรับบุคคลที่แก่ที่สุด เขากล้าที่จะสไลด์ลงหอคอยแห่งอำนาจซึ่งความเร็วขึ้นถึง 55 กิโลเมตร / ชม ที่ความสูง 28 เมตร ซึ่งเป็นสไลด์ใหญ่ที่สุดในยุโรป เป็นที่นิยมมากที่สุดในสวนน้ำ




คำสัมภาษณ์บางส่วนของ นาย Wolfgang Kiessling ผู้ก่อตั้ง Loro Parque ใน Tenerife


You are Consul General of Thailand. How it came about and how does it work in practice?
          For 17 years I was Consul General of The Gambia. One day the democratically elected president, Dawda Jawara was Kalraba , of mercenaries expelled from his office. The international community has not prevented it. The successor expected of me that I continue to represent what I have rejected these circumstances. At this point, our Thai village just completed and the Thai Princess Galyani Vadhana came to visit. At a dinner, the Ambassador then asked if I would be interested to take over the Consulate in Tenerife. Two years later, also Queen Sirikit. Thus developed a very positive relationship with Thailand. My job is mainly to promote trade relations, to help further distressed Thais.

In the south of the island is currently being built Siam Park , a large water theme park with animals, from your son ( Christoph Kiessling is supervised). How did it happen?
          We've talked about it with our consultant team and are considering to open a new and unique in the world water park. We Christoph selected to take over the responsibility. I myself go every week one time in the Siam Park to track the construction activities. With this new project we wanted to bring the magic of the tropical Indonesian world over to Tenerife.




วันศุกร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ดอกอัญชัน (Blue Pea, Butterfly Pea)

 ดอกอัญชัน

 

 ความมหัศจรรย์ ของดอกอัญชัญริมรั้ว 


      เจ้าดอกสีม่วงมีใครล่วงรู้บ้างไหมว่าเจ้ามีประโยชน์มากมาย นับเป็นสมุนไพรที่มีสรรพรคุณดีเลิส ปลูกก็ง่าย หาได้ทั่วไป จะเสี่ยงกับการใช้สารเคมีอยู่ทำไมให้เมื่อเรามีสมุนไพรที่ใช้ได้ทั้งรักษาและป้องกัน มาดูแลตัวเองกันเถอะค่ะ

"มากินดอกอัญชันเพียงวันละดอก" เพื่อบอกลาโรคร้าย ดอกอัญชันมีฤทธิ์ในการละลายลิ่มเลือดเหมาะ สำหรับผู้มีปัญหาเลือดข้น ควรกินอาหารหรือเครื่องดื่มที่ย้อมสีจากดอกอัญชันบ่อยๆ ไม่เหมาะสำหรับคนเป็นโรคเลือดจาง
ดอกอัญชัน :(Asian pigeonwings)
ชื่อวิทยาศาสตร์: Clitoria ternatea L.)
ชื่อสามัญ : Blue Pea, Butterfly Pea 
วงศ์ : LEGUMINOSAE-PAPILIONOIDEAE
ชื่ออื่น : แดงชัน (เชียงใหม่); อัญชัน (ภาคกลาง); และเอื้องชัน,เองชัญ (ภาคเหนือ) 
รายละเอียด
          ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้ล้มลุกเลื้อยพัน เป็นไม้เถา เป็นไม้เลื้อยเนื้ออ่อน อายุสั้น ใช้ยอดเลื้อยพันยาว 1-5 เมตร ลำต้นมีขนปกคลุม ใบประกอบแบบขนนก เรียงสลับ ยาว 6-12 เซนติเมตร มีใบย่อยรูปไข่ 5-7ใบ กว้าง 2-3 เซนติเมตร ยาว 3-5 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบมน ผิวใบด้านล่างมีขนหนาปกคลุม
          ดอกอัญชัน: สีขาว สีฟ้า และสีม่วง ดอกออกเดี่ยว ๆ รูปทรงคล้ายฝาหอยเชลล์ออกเป็นคู่ตามซอกใบ กลีบดอก 5 กลีบ ดอกบานเต็มที่ยาว 2.5-3.5 เซนติเมตรกลีบคลุมรูปกลม ปลายเว้าเป็นแอ่ง ตรงกลางมีสีเหลือง มีทั้งดอกซ้อนและดอกลา ดอกชั้นเดียวกลีบขั้นนอกมีขนาดใหญ่กลางกลีบสีเหลือง ส่วนกลีบชั้นในขนาดเล็กแต่ดอกซ้อนกลีบดอกมีขนาดเท่ากัน ซ้อนเวียนเป็นเกลียว ออกดอกเกือบตลอดปี
          ผลเป็นฝัก : เป็นฝักแบน รูปดาบ โค้งเล็กน้อย ปลายเป็นจะงอย กว้าง 1-1.5 เซนติเมตร ยาว 5-8 เซนติเมตร ผลแห้งแตกเป็น 2 ฝา เมล็ดรูปไต สีดำ มี 5-10 เมล็ด 
          การกระจายพันธุ์ :อัญชันมีถิ่นกำเนิดในแถบเอเชียเขตร้อน ก่อนจะถูกนำไปแพร่พันธุ์ในแอฟริกา ออสเตรเลีย และอเมริกาใต้ ปลูกได้ทั่วไปในเขตร้อน

สารสกัดดอกอัญชัญอุดมไปด้วย : มีสารอดีโนซีน (Adenosine) สารแอฟเซลิน (Afzelin) สารอปาราจิติน (Aparajitin) กรดอราไชดิก (Arachidic acid) สารแอสตรากาลิน (Astragalin) กรดชินนามิกไฮดรอกซี (Cinnamic acid, 4-hydroxy) สารเคอร์เซติน (Quercetin) และสารซิโตสเตอรอล เป็นต้น


       ในส่วนของดอก อุดมด้วยสาร Anthocyanin (แอนโธไซยานิน) จึงนิยมนำมาเป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมทำให้ผมนุ่มสลวยและดำเงางามอย่างเป็นธรรมชาติ

สรรพคุณของอัญชัน
เมล็ด : อัญชันชนิดขาวใช้เป็นยาขับปัสสาวะและยาระบาย แต่จะทำให้คลื่นไส้อาเจียน
ราก : รสเย็นจืด บำรุงดวงตา แก้ตาฟาง ตาแฉะ ทำให้ตาสว่าง ปรุงเป็นยาขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะพิการ ถูฟันแก้ปวดฟัน ทำให้ฟันทน และ นำรากมาถูกับน้ำฝนใช้หยอดหูและหยอดตา
น้ำคั้นจากใบสดและดอกสด : ชนิดม่วงใช้หยอดตา แก้ตาอักเสบ ฝ้าฟาง ตาแฉะ มืดมัว  
น้ำคั้นจากดอก : ใช้ทาคิ้ว ทาหัว เป็นยาปลูกผม (ขน) ทำให้ ผมดกดำเงางาม ช่วยเพิ่มความสามารถในการมองเห็น เนื่องจากดอกอัญชัญมีสารที่จะไปเพิ่มการไหลเวียนในหลอดเลือดเล็กๆ เช่น หลอดเลือดส่วนปลายทำให้กลไกที่ทำงานเกี่ยวกับการมองเห็นแข็งแรงขึ้น และความสามารถของสารแอนโธไซยานินในดอกอัญชัญยังเพิ่มประสิทธิภาพของดวงตา เช่น ตาเสื่อมจากโรคเบาหวาน โรคต้อหิน โรคต้อกระจก และ ทำให้เลือดไปเลี้ยงรากผมมากขึ้น ทำให้เซลล์รากผมแข็งแรงขึ้น จะนำมาใช้ในการรักษาอาการผมร่วง แก้ฟกช้ำบวม

สีจากดอกอัญชัน: เมื่อนำกลีบดอกสด ตำเติมน้ำเล็กน้อย กรองด้วยผ้าขาวบาง คั้นเอาน้ำออก จะได้น้ำสีน้ำเงิน (Anthocyanin) ใช้เป็น indicator แทน Litmus ใช้ทำประโยชน์ได้หลายอย่าง
นิยมใช้ดอกสีน้ำเงินซึ่งมีสาร Anthocyanin ใช้ทำสีขนม ถ้าเติมน้ำมะนาวลงไปเล็กน้อย จะกลายเป็นสีม่วง ใช้แต่งสีอาหารตามต้องการ มักนิยมใช้แต่งสีน้ำเงินของขนมเรไร ขนมน้ำดอกไม้ ขนมขี้หนู ขนมดอกอัญชัน ขนมช่อม่วง


        ทำน้ำดื่มสมุนไพร น้ำสีม่วงสวย เพราะสีของดอกอัญชันละลายน้ำได้ เป็นเครื่องดื่มดับกระหาย มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ เสริมภูมิต้านทาน
          การหุงข้าวผสมสีด้วยน้ำที่คั้นจากดอกอัญชัญ จะได้ข้าวสีน้ำเงินอมม่วงสวยงามน่ารับประทาน


          ดอกอัญชันยังสามารถกินเป็นผักได้ ทั้ง จิ้มน้ำพริกสดๆ หรือชุบแป้งทอด เพิ่มการไหลเวียนของเลือดในหลอดเล็กๆ ทำให้เลือดไปเลี้ยงรากผมและนัยน์ตามากขึ้น สารแอนโทรไซยานินนี้จะพบในผลไม้และดอกไม้ที่มีสีน้ำเงิน สีแดง หรือสีม่วง มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติ โดยที่พืชจะสร้างสารนี้ขึ้นมา เพื่อป้องกันดอกหรือผลตัวเอง จากอันตรายของแสงแดดหรือโรคภัย

ดอกอัญชัญตากแห้งมาชงดื่มแทนน้ำชาได้  การดื่มน้ำดอกอัญชัญควรดื่มทันทีที่ปรุงเสร็จ เพื่อให้ได้คุณค่าทางอาหารและยา
        ในวรรณคดี หญิงสาวมักนำอัญชันมาเขียนคิ้วให้ดำขลับ ซึ่ง นิราศธารโศก และ มหาชาติคำหลวง ได้เปรียบเทียบคิ้วหญิงนั้นงามราวดอกอัญชัน
        ในปัจจุบันยังนำมาใช้ในอุตสาหกรรมผลิตแชมพูสระผมและครีมนวด สีจากกลีบดอกสดมีสีน้ำเงินด้วยสารแอนโธไซยานิน

นิยมใช้ผสมในสินค้ากลุ่ม

Facial Care เช่น Cream , Mask , Massage Cream , Toner
Body Care เช่น Body Cream , Mask , Massage Cream , Lotion , Scrub
Hair Care เช่น Shampoo , Conditioner , Hair


Blue Pea, Butterfly Pea



Scientific name:
Clitoria ternatea  L.
Family/tribe:
Family: Fabaceae (alt. Leguminosae) subfamily: Faboideae tribe: Phaseoleae subtribe: Clitoriinae. Also placed in: Papilionaceae .
Common names:
butterfly-pea (Australia);  blue-pea, cordofan-pea, honte (French);  blaue Klitorie (German);  clitoria-azul (Portugese);  azulejo, conchitis, papito, zapatico de la reina, zapotillo, conchita azul, campanilla, bandera, choroque, lupita, pito de parra, bejuco de conchitas (Spanish);  cunha (Brazil).
Morphological description:
           Blooming Time: All year long; Flowers are solitary, bright deep blue with light yellow markings to 2 inches long by 1½ inches wide.
          C. ternatea is a vigorous, strongly persistent, herbaceous perennial legume;  stems fine twining, sparsely pubescent, suberect at base, 0.5-3 m long.  Leaves pinnate with 5 or 7 leaflets;  petioles 1.5-3 cm long;  stipules persistent, narrowly triangular, 1-6 mm long, subulate, prominently 3-nerved;  rachis 1-7 cm long;  stipels filiform, to 2 mm long;  leaflets elliptic, ovate or nearly orbicular, 1.5-5 cm long, 0.3-3 cm wide, with apex acute or rounded, often notched, and base cuneate or rounded, both surfaces sparsely appressed pubescent.  Flowers axillary, single or paired;  colour ranges from white, mauve, light blue to dark blue;  pedicles 4-9 mm long, twisted through 180º so that the standard is inverted.  Bracteoles persistent, broadly ovate or rounded, 4-12 mm long.  Calyx 1.7-2.2 cm long with a few fine hairs;  tube campanulate, 0.8-1.2 cm long;  lobes triangular or oblong, 0.7-1 cm long, acute or acuminate.  Standard obovate , funnel-shaped, 2-5.5 cm long, 2-4 cm wide, notched or rounded at apex, blue with a pale yellow base, or entirely white, a few fine hairs at apex.
          Pods linear-oblong, flattened, 4-13 cm long, 0.8-1.2 cm wide, with margins thickened, and style persistent, sparsely pubescent when mature, pale brown, dehiscent when dry.  Seeds 8-11/pod, oblong , somewhat flattened, 4.5-7 mm long, 3-4 mm wide, olive brown to almost black, shiny, often mottled, minutely pitted;  23,000 seeds/kg.
          C. ternatea is one of the most amazing plants for hanging basket culture that I have grown. The plant blooms in only 6 weeks from seed. Even though its origins are unknown, it is probably native to Asia according to Hortus.
Distribution:
Africa:  Angola, Angola-ISO, Benin, Burundi, Cabinda, Cameroon, Cape Verde Is, Chad, Djibouti, Ethiopia, Gabon, Ghana, Guinea, Guinea Bissau, Ivory Coast, Kenya, Malawi, Mali, Mozambique, Nigeria, Sao Tome, Sao Tome & Principe, Senegal, Sierra Leone, Somalia, South Africa, Sudan, Tanzania, The Gambia, Togo, Uganda, Zaire, Zambia, Zimbabwe.
Introduced to:
Now widespread throughout humid and sub-humid lowlands of Asia, the Caribbean, Central and South America, and more recently in semi-arid (600–800 mm) tropical Australia.
Uses/applications:
Multiple uses.  Originally selected as a cover crop.  Widely planted as an ornamental on fencerows.  Now used for short and medium-term pastures and as green manure, cover crop and protein bank.  Increases soil fertility to improve yields of subsequent crops (maize, sorghum, wheat) when grown as green manure or ley pasture.  Also used for cut-and-carry and conserved as hay.  Hay suitable for goats in Sudan.  Used as a revegetation species on coal mines in central Queensland, Australia.
Ornamental and medicinal uses.
Propagation: Clitoria ternatea is propagated from seed and by cuttings. To start seeds, soak in water 3-4 hours before sowing. Seeds germinate in 7-14 days. Cuttings root readily in moist sand or vermiculite.
Soil requirements:
          Adapted to a wide range of soil types (from sands to heavy clays) of moderate fertility but is extremely well adapted to heavy clay alkaline soils, and especially on clay soils which are too shallow for leucaena (Leucaena leucocephala ).  Adapted to pH 4.5-8.7 but prefers medium to high pH .  Some suggested tolerance to salinity, but lower than, for example, siratro (Macroptilium atropurpureum ).
          Requires summer rainfall of 500 mm over 3 months but grows best between 700-1,500mm AAR.  Drought tolerant and will survive in years which have only 400 mm rainfall and a dry season of 5-6 months or longer even if heavily grazed.  Some tolerance of short term flooding but not prolonged inundation or waterlogging .
Temperature:
Warm (wet) season growth up to 2,000 m in equatorial Africa and to latitude 24ºS.  Tolerates average daily temperatures down to 15ºC but not suited to districts with severe or frequent frosts.  Production is limited more by low average daily temperatures or a short growing season than by light or even heavy frosts.  Will regrow from stems following light frost or from the plant base after heavy frost.  Essential to establish mature woody plants prior to frost, some of which will survive, depending on severity of the frost.
Light:
Normally grown in full sunlight but moderately shade-tolerant, being used as a cover crop in coconut plantations and under rubber.
Reproductive development:
Flowers can develop in 4-6 weeks after sowing and continue to flower while temperature and moisture are adequate.  Flowering can occur throughout the year given sufficient soil moisture and frost-free conditions.  Of 58 accessions planted in January at 19ºS, first flowering occurred 7-11 weeks after sowing.  Subsequent flowering events overlapped pod set and fill.  Predominantly self-fertile but with some out-crossing.
Fertiliser:
Not normally used when sown on suitable soils, but P and S may be required on infertile soils.
Pests and diseases:
Fungal leaf diseases (e.g. Cercospora, Colletotrichum, Odium and Rhizoctonia) have been recorded in cool wet weather but rarely as a serious problem.  Minor susceptibility to various leaf-eating caterpillars and grasshoppers.  Most lines (variably) susceptible to root nematode Meloidgyne incognita.
Toxicity:
Seeds are a strong purgative.
Internet links
th.wikipedia.org/wiki/อัญชัน 
http://www.pi.csiro.au/ahpc/grasses/pdf/milgarra.pdf
http://www.ars-grin.gov/cgi-bin/npgs/html/tax_search.pl?clitoria+ternatea
http://www.fao.org/ag/AGP/AGPC/doc/Gbase/data/pf000021.htm
http://www.thaihealth.or.th/healthcontent/article/24357

วันศุกร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

รักษาโรค “ผึ้งบำบัด”

มหัศจรรย์! “ผึ้งบำบัด” 

            ในปัจจุบันนี้ นอกจาก ผึ้งจะเป็นแมลงผสมเกสรที่มีส่วนช่วยขยายพันธุ์พืชแล้ว ผึ้งกลายเป็นแมลงเศรษฐกิจที่สามารถสร้างอาชีพและสร้างรายได้ให้ เกษตรกรในหลายพื้นที่ ซึ่งมีการเลี้ยงผึ้งเพื่อผลิต น้ำผึ้ง นมผึ้ง เกสรผึ้ง ไขผึ้งและพรอพอลิส (Populist) สู่ตลาดและผู้บริโภค ในขณะเดียวกันก็ยังมีการแปรรูปผลิตภัณฑ์ผึ้ง อาทิ สบู่สูตรผสมน้ำผึ้ง แชมพูสูตรผสมน้ำผึ้ง ครีมนวดสูตรผสมน้ำผึ้ง และยาหม่องไขผึ้งผสมสมุนไพร เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าด้วย
สำหรับในประเทศไทย แพทย์หญิง มิตรา คาสลี่ กล่าวว่า มีการนำผลิตภัณฑ์จากผึ้งมาใช้ประโยชน์ ตั้งแต่ น้ำผึ่ง เกสรผึ้ง นมผึ้ง พรอพอลิส ไขผึ้ง ส่วน พิษผึ้งใช้ประโยชน์ ในการรักษาโรค บำบัดอาการ ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยรักษาหลายอาการ เช่น มีฤทธิ์ต้านไวรัส แก้ปวด ช่วยปรับภูมิคุ้มกัน ลดการอักเสบ
โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงจึงได้เปิดคลินิกผึ้งบำบัด(Apitherapy) ให้บริการรักษาด้วยผึ้ง ณ ศูนย์การแพทย์ทางเลือก ชั้น 2 อาคารผู้ป่วยนอก  ในวันจันทร์ พุธ และศุกร์ เวลา 09.00-12.00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ 0-5391-6822-3 หรือ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง 0-5391-7581 
โดย ผศ.พญ.มิตรา  คาสลี่ รอง คณบดีสำนักวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ ประจำโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
http://www.mfu.ac.th/hospital/bee_clinic.php


วิธีผึ้งบำบัด โดยฝังเหล็กใน

 คลินิกผึ้งบำบัด (Apitherapy)       ผึ้งบำบัด หมายถึง การนำผลิตภัณฑ์จากผึ้งมาใช้ประโยชน์ ในการรักษาโรค บำบัดอาการ หรือมุ่งประโยชน์ต่างๆทางสุขภาพ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ได้แก่ น้ำผึ้ง รวงผึ้ง ตัวอ่อนของผึ้ง เกสรผึ้ง พรอพอลิส ซึ่งเป็นยางไม้ที่ผึ้งเก็บมาใช้ยารวงเพื่อกันน้ำ และเชื้อโรค ท้ายที่สุดคือพิษผึ้ง ซึ่งเริ่มเป็นที่รู้จักกันมากขึ้น ในประเทศไทยและมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงได้นำเข้ามาใช้รักษาผู้ป่วยในคลินิกการ แพทย์ทางเลือก             
การใช้ผึ้งรักษาเป็นแนวทางการรักษาทางเลือกหนึ่ง โดยฝังเหล็กในลงตามหลักการฝังเข็ม และพิษผึ้งจะมีฤทธิ์รักษาหลายการโดยเฉพาะแก้ปวด ช่วยปรับอุณภูมิคุ้มกัน ลดการอักเสบ เป็นต้น ความสำเร็จในการักษานั้นก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล บางคนใช้ผึ้งต่อยครั้งเดียวหาย บางคนต้องรับการรักษาอย่างต่อเนื่อง หรืออาจจะต้องมองหาแนวทางอื่นที่เหมาะสมมากกว่าต่อไปโรคที่เหมาะแก่การรักษาด้วยผึ้งบำบัด แบ่งเป็น 3 กลุ่มด้วยกัน คือ
กลุ่มแรก เป็นกลุ่มอาการปวด และอาการขา ได้แก่ ปวดศีรษะเรื้อรัง ไมเกรน ปวดเอว ปวดไหล่ ปวดขา ปวดต้นคอ ปวดประจำเดือน คอตกหมอน อาการมือชา เท้าชา
กลุ่มที่สอง เป็นกลุ่มอาการไขข้อ ไขข้ออักเสธรูมาตอยด์ ไขข้ออักเสบ โรคข้อเข่าเสื่อม นิ้วล็อก เส้นเอ็นอักเสบ โรคเกาต์
กลุ่มสุดท้าย คือ โรคและอาการอื่นๆ เช่น ริดสีดวง ตะคริวน้อง ไซนัสอักเสบ นอนกรน เลิกบุหรี่ อัมพฤกษ์ อัมพาต ผู้มีบุตรยาก โรคอัลไซเมอร์

ศูนย์ผึ้งบำบัด บิ๊กบี สหคลินิก

ได้ให้บริการด้าน ผึ้งบำบัด แพทย์แผนจีน แพทย์แผนไทย มีวัตถุประสงค์ที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการเผยแพร่ความรู้ทางด้านผึ้งบำบัดให้ได้รับความนิยมในเมืองไทย
www.bigbeeclinic.com/Apitherapy2.php
ตั้งอยู่ 41/10 หมู่ 3 ถ.กะทิงลาย พัทยา ต.หนองปลาไหล อ.บางละมุง จ.ชลบุรี 20150
เปิดบริการทุกวัน 09.00 น.-17.00 น.ติดต่อสอบถามและนัดเวลารักษา โทร.087-0550500, 089-8328059

นิยามของผึ้งบำบัด

ผึ้งบำบัด หมายถึง การบำบัด บรรเทา หรือการรักษาอาการโดยการใช้ผลิตภัณฑ์ผึ้ง อันได้แก่ น้ำผึ้ง นมผึ้ง เกสรผึ้ง ไขผึ้ง พรอพอริส และพิษผึ้ง
          ผึ้งบำบัดในภาษาอังกฤษ เรียกว่า Apitherapy และในภาษาจีน เรียกว่า ฟงเหลียว โดยหลักกการแล้ววิถีแห่งผึ้งบำบัดใช้ปรัชญาพื้นฐานของคำว่า อาหารเป็นยาต้านโรคภัย อีกทั้งการใช้พิษผึ้งมีที่มาของหลักที่ว่า พิษต้านพิษ หรือที่เรียกว่า Homeopathy
          ผึ้งบำบัด คือ การใช้พิษผึ้ง โดยการฝังตามจุดประสาทลมปราณด้วยเหล็กไนผึ้ง โดยจะต้องควบคู่ไปกับ การบริโภคผลิตภัณฑ์ผึ้งอื่นๆ ซึ่งเพื่อส่งผลต่อการบำบัดอาการหรือโรคได้เต็มประสิทธิภาพโดยเฉพาะในการรักษาโรคเรื้อรัง ซึ่งอาจจะต้องได้รับการฝังเข็มด้วยเหล็กไนผึ้งเป็นเวลาหลายครั้ง
          การใช้ผึ้งบำบัด หรืออะพิเธอราพี มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ในชนชาติกรีก ยีอิปต์ และจีน ที่มีการใช้น้ำผึ้งในชีวิตประจำวันมากกว่าพันปีซึ่งปรากฏอยู่ในคำภีร์ Veda และ Bible ซึ่งน้ำผึ้งและพรอพอริส สารสกัดที่ได้จากยางไม้ ได้มีการใช้กันอย่างแพร่หลายในอียิปต์ หรือในสมัยฮิปโปเคติส ในแพทย์ชาวกรีก ที่ได้ชื่อว่าเป็นบิดาแห่งการแพทย์ยังพบว่ามีการใช้พิษผึ้งเพื่อรักษาอาการเจ็บไขข้อและโรคปวดข้อ จีนมีการกล่าวถึงการใช้ผึ้งต่อยเพื่อรักษาโรค 
          ปัจจุบันมีหลายประเทศได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องให้ใช้รักษาคนไข้ได้วิธีการนี้ใช้หลักการเดียวกับการฝังเข็ม แต่ต่างตรงที่พิษผึ้งที่ถือกันว่าเป็นยาธรรมชาติ สำหรับคนไข้ที่ได้รับการรักษาด้วยวิธีอื่นๆ แล้วไม่ได้ผล การรักษาด้วยวิธีนี้นับได้ว่าเป็นทางเลือกใหม่สำหรับคนไข้อีกทาง
การรักษาด้วยวิธีผึ้งบำบัด

การรักษาผึ้งบำบัด

ในการรักษาด้วยผึ้งบำบัด จะมี 3 ประเภท
1.การใช้เหล็กไนของผึ้งมาต่อยรักษาโดยตรง แบ่งเป็น 2ลักษณะ
1.1  ต่อยตรงจุดกดเจ็บ (Trigger points)
จุดกดเจ็บ หมายถึง จุดที่เรากดลงไปแล้วรู้สึกปวด เจ็บแปลบ ๆ เหมือนมีก้อนแข็ง ๆ เล็ก ๆ ยังคงไม่สลายไป มีอาการเจ็บปวดมากที่สุด การหาจุดกดเจ็บทำได้โดยการใช้นิ้วมือคลำดูบริเวณที่มีอาการแล้วค่อยกดลงที่ ละจุด ถามผู้ป่วยว่าเจ็บมากไหม ถ้าผู้ป่วยแสดงอาการเจ็บมาก หรือบอกว่าเจ็บ แสดงว่าเป็นจุดที่มีปัญหา ซึ่งนิยมต่อยผึ้งทั้งตัวบริเวณจุดนี้ เช่นกลุ่มอาการปวดต่างๆ ปวดหัวไหล่ ปวดเข่า ปวดเอว ปวดขา ไมเกรน รูมาตอยด์ เกาต์ ฯลฯ
1.2 ต่อยตามจุดบนเส้นลมปราณ
การต่อยผึ้งตามจุดบนเส้นลมปราณ ใช้หลักการต่อยเหล็กในผึ้งลงบนจุดที่ใช้ในการฝังเข็มคล้ายๆกับการฝังเข็มแต่เปลี่ยนจากเข็มเหล็กมาเป็นเข็มเหล็กในผึ้ง โดยจะให้สรรพคุณเหมือนกับการฝังเข็มแต่ในเหล็กในผึ้งยังมีพิษผึ้งซึ่งจะช่วยในการบำบัดได้ต่อเนื่องกว่าการฝังเข็ม เช่น ไมเกรน รูมาตอยด์
2.การใช้พิษแห้ง
 ในการรักษา โดยการใช้พิษแห้งจะใช้หลังจากการต่อยผึ้งหรือกรณีที่ผู้ป่วยไม่ประสงค์ต่อย ผึ้ง วิธีการใช้พิษแห้งเราจะใช้ร่วมกับเครื่องกระตุ้นไฟฟ้า เพื่อให้เกิดการผลักพิษแห้งเข้าไปช่วยบรรเทาหรือรักษาบริเวณที่มีอาการปวด ต่างๆ เช่น ปวดส้นเท้า ปวดหลัง ปวดไหล่ ปวดข้อศอก ปวดข้อมือ เป็นต้น
3.การใช้พลาสเตอร์พิษผึ้งหรือยางผึ้ง
 การใช้ พลาสเตอร์พิษผึ้งจะใช้ในการรักษาหลังจากต่อยผึ้ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการรักษามากขึ้น มักจะใช้รักษากับโรคต่างๆ เช่น การต่อยเลิกบุหรี่ ปวดข้อศอก ปวดส้นเท้า ต่อมน้ำลายอักเสบ เป็นต้น
การรักษาผึ้งบำบัด ของศูนย์พยาบาลในนครกาซาซิตี ปาเลสไตน์

สรรพคุณของพิษผึ้ง 

            พิษผึ้งประกอบด้วยสารเคมีหลายสิบชนิดมีทั้งโปรตีน น้ำตาล เอนไซม์ กรด ต่างๆ สารเคมีสำคัญๆหลายอย่างคือ ฮีสตามีน (Histamine) เซอโรโตนิ (Serotonin) โดพามิน (Dopamine) อะพามิน (Apamin) กรดอะมิโนและเอนไซม์อื่นๆ เพ็ปไทด์   ชื่อ mellittin เป็นสารหลักในพิษผึ้งมีฤทธิ์กระตุ้นการหลั่ง  สเตอรอยด์ของร่างกายเราเอง ซึ่งสร้างขึ้นอยู่แล้วโดยธรรมชาติ  สเตอรอยด์มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ จึงอธิบายได้ส่วนหนึ่งว่าทำไมจึงใช้รักษาโรคที่มีอาการอักเสบและเจ็บปวดได้ เพราะว่าหลังจากผึ้งต่อย มีสารหลายตัวที่มีฤทธิ์ไวมาก ผู้ป่วยจะมีอาการปวดและบวมอย่างรวดเร็ว เราพบว่าพิษผึ้งจะสกัดมากจากแหล่งใดในโลกก็ตาม จะประกอบด้วยสารเคมีชนิดเดียวกัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผึ้งสังเคราะห์พิษขึ้นโดยไม่เกียวกับสถานที่ที่ผึ้งไป เก็บพืชอาหารเลย  นอกจากนี้มีผู้ทำการวิจัย แสดงผลอื่นๆ ของพิษผึ้งอีกมาก เช่นการสร้างเซลล์ใหม่ ฤทธิ์ต้านมะเร็ง ส่วนพรอพอริสและน้ำผึ้ง มีสรรพคุณทางยา ใช้ฆ่าเชื้อโรค สมานแผลได้
ในสมัยโบราณใช้กินเป็นอาหารและเป็นยาอายุวัฒนะ ปัจจุบันในสหรัฐอเมริกาใช้พิษผึ้งแก้โรครูมาติซั่ม (Rheumatism) หรือในยุโรปใช้รักษาอาการปวดข้อของผู้สูงอายุ โดยการใช้ผึ้งต่อยโดยตรงในการรักษาโรคนี้ พิษของผึ้งไม่ได้มีแต่โทษและยังมีประโยชน์อีกมาก ถ้ารู้จักใช้มันอย่างถูกวิธี
การรักษาด้วยพิษผึ้งไม่ได้เหมาะสมกับบุคคลทุกประเภท ทั้งนี้ กลุ่มอาการที่ไม่เหมาะต่อการรักษาด้วยผึ้งบำบัด ได้แก่ ผู้ป่วยโรคหัวใจและไต กระดูกหัก หญิงตั้งครรภ์ สตรีระหว่างมีประจำเดือน ผู้มีบาดแผลมีเลือดออก เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 10 ขวบ ผู้มีอาการท้องเสียเฉียบพลัน โรคติดเชื้อเฉียบพลัน สุขภาพไม่แข็งแรง และต้องไม่อยู่ในอาการหิวหรืออิ่มจนเกินไป และผู้ที่เพิ่งดื่เหล้าหรือสูบบุหรี่


แหล่งข้อมูลอื่น


***มีการพิมพ์ครั้งแรก ในหนังสือชื่อรายงานเรื่องแปลกระหว่างโรครูมาติซึ่มกับพิษผึ้งต่อยพิมพ์เมื่อปี 1888 โดย ชาวออสเตรีย ชื่อ Phillip Terc  
***Charles Mraz (1905-1999) ผู้เลี้ยงผึ้งที่รัฐเวอร์มอนต์ สหรัฐอเมริกา เป็นผู้นำในการเผยแพร่ให้ผึ้งบำบัดเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายจนปัจจุบันมี ผู้ใช้ผึ้งบำบัดทั่วโลก ทั้งผู้ที่เป็นแพทย์และมิใช่แพทย์
***ด็อกเตอร์ Joshua L Hood จากมหาวิทยาลัยแพทย์ Washington University School of Medicine ในสหรัฐอเมริกา ได้ศึกษา พิษผึ้ง พบว่าพิษผึ้งสามารถโจมตี และฆ่าเชื้อไวรัส เอชไอวี(HIV เชื้อเอดส์)ได้ ซึ่งต่างจากตัวยาที่ใช้อยู่ในปัจจุบันที่มีผลแค่ทำให้เชื้อเจริญเติบโตและ แพร่กระจายได้ช้าลงเท่านั้น โดยในพิษผึ้งมีสารเคมีที่ชื่อว่า Melittin ที่จะทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันไม่ให้เชื้อสัมผัสเซลล์ฺ และพิษจะเจาะชั้นป้องกันด้านนอกของเชื้อแล้วโจมตีเชื้อด้วยพิษเพื่อฆ่ามัน ทำให้ทีมวิจัยคิดว่ามันสามารถพัฒนาพิษผึ้งเป็นเจลทาอวัยวะเพศ สำหรับฆ่าเชื้อในกิจกรรมทางเพศ
***ดร.ฮัน ได้ตีพิมพ์ผลงานวิจัยว่า พิษนี้ยังช่วยกระตุ้นการผลิตเซลล์ที่เรียกว่าเคอราติโนไซต์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นปราการป้องกันแบคทีเรีย การสูญเสียน้ำและผิวเสียจากแดดด้วย โดยเคอราติโนไซต์ เป็นเซลล์ที่อยู่ส่วนบนสุดของผิวหนัง ซึ่งช่วยให้แลดูอ่อนเยาว์ แต่เมื่อเรามีอายุมากขึ้น จำนวนเซลล์นี้จะมีน้อยลง ทำให้ผิวหนังเสียความยืดหยุ่นและเกิดริ้วรอยตีนกา พิษผึ้งบริสุทธิ์ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า ช่วยเพิ่มจำนวนของเคอราติโนไซต์ ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นยิ่งขึ้น
ทำให้มีการโฆษณา ผลิตภัณฑ์ ครีมพิษผึ้ง Active Bee Venom Creamอย่างแพร่หลาย ทั้งที่ยังไม่มีผลการรับรองที่ชัดเจน   ดังนั้นการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Bee Venom นี้ ต้องใช้กันด้วยความระมัดระวังและทดสอบการแพ้ก่อนเสมอ 

ข้อห้ามใช้ : ห้ามใช้ในผู้แพ้ผึ้งและผลิตภัณฑ์จากผึ้ง   


Caution DO NOT USE IF ALLERGIC TO BEES OR BEE PRODUCTS