วันวาเลนไทน์ (Valentine's Day)
วันนักบุญวาเลนไทน์ ( Saint Valentine's Day) มักเรียกว่า วันวาเลนไทน์ (Valentine's Day) ตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ของทุกปี
วันวาเลนไทน์มีการเฉลิมฉลองทั่วโลก ส่วนใหญ่เป็นประเทศทางตะวันตก "นักบุญวาเลนไทน์" เดิมเป็นเพียง การจัดพิธีสวดแก่นักบุญคนหนึ่งชื่อ วาเลนตินัส
วันวาเลนไทน์จัดขึ้นเป็นครั้งแรกโดยสมเด็จพระสันตะปาปาเกลาซิอุสที่ 1 ใน ค.ศ. 496 และถูกลบออกจากปฏิทิน
ใน ค.ศ. 1969
วันวาเลนไทน์มาข้องเกี่ยวกับรักแบบโรแมนติกเป็นครั้งแรก โดย เจฟฟรีย์ ชอเซอร์ (Geoffrey Chaucer) (ค.ศ. 1343 - 25 ตุลาคม ค.ศ. 1400) เป็นนักเขียน กวี นักปรัชญา ข้าราชการและนักการทูตชาวอังกฤษ ได้รับยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งกวีนิพนธ์อังกฤษ อยู่ระหว่างสมัยกลางเรืองอำนาจ (High Middle Ages) เมื่อประเพณีรักเทิดทูน (courtly love) เฟื่องฟู จนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 15
วันวาเลนไทน์ได้วิวัฒนาการ มาเป็นโอกาสซึ่งคู่รักจะแสดงความรักของพวกเขาแก่กัน โดยให้ดอกไม้ ขนมหรือลูกกวาด และส่งการ์ดอวยพรกัน
![]() |
St.Valentine |
ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์
ในช่วงต้นศาสนาคริสต์มีผู้ถูก มรณสักขี (martyr) (หมายถึงคริสต์ศาสนิกชนที่ถูกทรมานจนตายหรือถูกฆ่าหรือถูกลงโทษให้ประหารชีวิตเพราะความเชื่อ ในศาสนาคริสต์ยุคแรกมีผู้ถูกทรมานและฆ่าด้วยความทรมานเช่นถูกขว้างด้วยก้อนหินให้ตาย ถูกตรึงกางเขน ถูกเผาทั้งเป็น ) หลายคนมีชื่อว่า วาเลนไทน์ ซึ่งวาเลนไทน์ที่มีการสรรเสริญเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์
-วาเลนไทน์แห่งโรม (Valentinus presb. m. Romae) เป็นนักบวชในโรมผู้พลีชีพเพื่อศาสนาราว ค.ศ. 269 และถูกฝังที่
เวียฟลามีเนีย (Via Flaminia) กะโหลกที่สวมมาลัยดอกไม้ของนักบุญวาเลนไน์ถูกจัดแสดงในมหาวิหารซานตามาเรีย
ในคอสเมดิน โรม วัตถุมงคลอื่นพบได้ในมหาวิหารซานตาพราสเซเด (Santa Prassede)ในโรมเช่นกัน เช่นเดียวกับที่โบสถ์คาร์เมไลท์ถนนไวท์ไฟร์อาร์ (Whitefriar Street Carmelite Church) ในดับลิน ไอร์แลนด์
-ส่วนวาเลนไทน์แห่งเทอร์นี (Valentinus ep. Interamnensis m. Romae) กลายมาเป็นบิชอปแห่งอินเตรัมนา (Interamna, ปัจจุบัน คือ เทอร์นี) ราว ค.ศ. 197 และกล่าวกันว่าพลีชีพเพื่อศาสนาระหว่างการเบียดเบียน (persecution) ในรัชสมัยจักรพรรดิออเรเลียน ท่านถูกฝังที่เวียฟลามีเดียเช่นกัน แต่คนละตำแหน่งกับที่ฝังวาเลนไทน์แห่งโรม วัตถุมงคลของท่านอยู่ที่มหาวิหารนักบญวาเลนไทน์แห่งเทอร์น
-นักบุญคนที่สามที่ชื่อวาเลนไทน์ ผู้ซึ่งมีการกล่าวขานถึงในบัญชีมรณสักขียุคต้นในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ท่านพลีชีพเพื่อศาสนาในแอฟริการ่วมกับเพื่อนเดินทางจำนวนหนึ่ง
****ไม่มีหลักฐานว่านักบุญวาเลนไทน์จะเป็นนักบุญที่ได้รับความนิยมก่อนบทกวีของเชาเซอร์ในคริสต์ศตวรรษที่ 14
****ไม่มีข้อมูลอื่นใดเกี่ยวกับนักบุญวาเลนไทน์
เว้นแต่ว่า ท่านถูกฝังที่เวียฟลามิเนีย เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันสมโภชนี้ยังมีการเฉลิมฉลองอยู่ในบัลซาน มอลตา และมีการเฉลิมฉลองโดยผู้นับถือนิกายคาทอลิกดั้งเดิม
ในสมัยโรมันเมื่อสองพันกว่าปีมาแล้ว วันที่ 14 กุมภาพันธ์ จะเป็นวันเฉลิมฉลองของจูโน่ซึ่งเป็นราชินีแห่งเหล่าเทพ
และเทพธิดาของโรมัน และ เป็นวันตรุษ(วันที่ 15 กุมภาพันธ์ )ที่เรียกว่า ลูเปอร์คาเลีย ( lupercalia) มีความสำคัญมากในทางเพศ ผู้ชายจะวิ่งแก้ผ้าหาคู่ เพื่อฉลองตรุษโดยจับฉลากชื่อหญิงสาวแล้วเกี้ยวพาราสีจนได้เป็นภรรยา
วันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันที่ศริสต์ศาสนิกชนถือว่า เป็นวันของเซนต์วาเลนไทน์ เพราะว่าเป็นวันที่ท่านถึงแก่มรณภาพ
ส่วนประเทศอังกฤษไม่ได้มาจากนักบุญ แต่บังเอิญมาตรงกันพอดี คือวันที่ 14 กุมภาพันธ์เป็นวันเริ่มต้นปักษ์ที่ 2 แห่งเดือนที่สองของปี คนยุโรปจึงจับรวมกัน เอาเป็นวันส่งบัตรหรือของขวัญให้คนรักให้คนรัก นิยมในกลุ่มหนุ่มสาว
ตำนานวันวาเลน์ไทน์
![]() |
นักบุญวาเลนไทน์ ( Saint Valentine') |
ณ กรุงโรม ในช่วงศตวรรษที่ 3 แห่งโรมันซึ่งตรงกับช่วงสมัยจักรพรรดิคลอดิอุส( Claudius) ที่ 2
พระองค์คิดว่า ความรักคือ ความลุ่มหลง คือการหลอกลวง และเห็นว่าในบรรดาเหล่าทหารของพระองค์ ถ้าเกิดความรัก หรือ เกิดการแต่งงาน ที่ชายโรมันไม่ยอมสมัครเป็นทหารไปออกรบนั้น เป็นเพราะพวกเขามีพันธะต้องดูแลครอบครัว ซึ่งจะทำให้เหล่าทหารขาดความสนใจในด้านการรบ
แต่ถ้า ทหารไม่มีความรักประสิทธิภาพในการรบก็จะดีเยี่ยม และแข็งแกร่งยิ่ง พระองค์จึงประกาศกฎหมายออกมาว่า หากห้ามชาวโรมันแต่งงานกัน ถ้าแต่งงานกัน จะมีบทลงโทษที่รุนแรงถึงขั้นประหาร
มีนักบุญคนหนึ่งนามว่า "เซนต์ วาเลนตินัส" (St.Valentine) หรือที่รู้จักกันดีว่า "วาเลนไทน์" เขาไม่เห็นด้วยในมาตรการ ดังกล่าว ด้วยกับการที่ท่านปฏิเสธกฏหมายห้ามการแต่งงานนั้น อีกทั้งยังสนับสนุนการแต่งงานอย่างลับ ๆ ของท่านนักบุญ อีกด้วย เพราะเขาคิดว่าความรักเป็นสิ่งที่ดีงาม ความรักที่ยิ่งใหญ่ พระเจ้าได้ประทานมาให้เขา วาเลนตินัสจึงประกอบพิธีแต่งงานตามศาสนาแบบลับๆ ทำให้คู่รักโรมันพากันฝ่าฝืนข้อห้าม แม้ว่าจะได้รับโทษถึงขั้นประหารชีวิตก็ตาม
ในที่สุดเขาก็ถูกจับได้และถูกนำตัวไปขังคุกรอการสั่งประหาร ระหว่างที่ วาเลนตินัส ถูกขังอยู่ในคุกนั้นข่าวคราวของเขา ดังกระฉ่อนไปทั่วโรม หนุ่มสาวชาวโรมันจำนวนมากเดินทางมาเยี่ยมเขาถึงห้องขัง พร้อมกับมอบดอกไม้และให้ กำลังใจเขาที่หน้าต่างเพื่อบอกว่าพวกเขาก็เชื่อใน ความรักเช่นเดียวกัน
วันหนึ่งเขาก็ได้พบกับจูเลีย (Julia) เป็นคนสวย ลูกสาวของหัวหน้าผู้คุมห้องขัง แอสเตอเรียส (Asterius) Passio เธอตาบอดและมองไม่เห็น เธอได้พูดคุยกับเขาและได้ตกหลุมรักเขา เขาเองก็ตกหลุมรักเธอ
วันหนึ่งจูเลียถามวาเลนตินุสว่า “ถ้าเราอธิษฐาน พระผู้เป็นเจ้าจะได้ยินเราไหม”
วาเลนตินัส ตอบว่า “พระองค์เจ้า จะได้ยินเราแน่นอน ท่านได้ยินเรา ทุกคน”
จูเลียกล่าว “ท่านทราบหรือไม่ว่า ข้าอธิษฐานขออะไร ทุกๆเช้า ทุกๆเย็น….ข้าหวังว่า ข้าจะได้มองเห็น โลก เห็นทุกๆอย่าง ที่ท่านเล่าให้ข้าฟัง”
วาเลนตินัสจึงบอก “พระเจ้ามอบแต่สิ่งที่ดีที่สุด ให้แก่เราทุกคน เพียงแค่ เรามีความเชื่อมั่น ในพระองค์ท่าน เท่านั้นเอง”
จูเลีย ผู้ซึ่งมีความเชื่อมั่นในพระผู้เป็นเจ้า จึงได้คุกเข่า กุมมือ อธิษฐานพร้อมกับ วาเลนตินัส และในขณะนั้นเอง ก็ได้
มีแสงสว่างลอดเข้ามาในคุก และสิ่งมหัศจรรย์ก็ได้เกิดขึ้นจูเลียเมื่อเธอมองเห็น เขาและเธอจึงกล่าวขอบคุณต่อพระเจ้า
และเรื่องมหัศจรรย์เรื่องนี้ ได้แพร่หลายไปทั่วราชอาณาจักรผู้คนที่ได้ยินเรื่องนี้ต่างก็แปลกใจและได้รับเชื่อในพระเจ้า
จนในที่สุดในคุกนั้นต่างก็กลายเป็นชาวคริสเตียนเสียหมด เรื่องนี้ได้ไปเข้าหูของจักรพรรดิคลอดิอุส พระองค์กริ้วมาก
จึงรับสั่งให้ ประหารชีวิต โดยการถูกตัดศีรษะ เขาทันที และพระองค์เกลียดชาวคริสเตียนมากยิ่งขึ้น มีการสั่งให้ ทุบตีหรือ
การทรมานพวกที่นับถือศาสนาคริสต์อีกด้วย

วันที่วาเลนตินัส ถูกประหารชีวิตนั้นตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ.269 ก่อนเขาตาย เขาเขียนโน้ตถึงเธอ เพื่อขอบคุณสำหรับมิตรภาพและ ความภักดีที่เธอมีให้เขา พร้อมทั้งลงท้ายว่า 'Love from your Valentine'
ในวันที่วาเลนตินัส ถูกประหารชีวิตแล้ว ชาวคริสเตียนและชาวโรมัน จำนวนมากได้โกรธแค้นจึงโคนล้มจักรพรรดิคลอดิอุสที่ 2 แล้วพระองค์ก็พ่ายแพ้ไป
ชาวคริสเตียนทั้งหลายก็ได้ ถือเอาวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นวันวาเลนไทน์
วันแห่งความรัก เพื่อระลึกถึงความรักอันมั่นคงของนักบุญวาเลนตินัส ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
จึงมีประเพณีการแลกเปลี่ยนจดหมายรักซึ่งกันและกันในวันวาเลนไทน์
โดยจะเขียนขึ้นในวันที่นักบุญวาเลนไทน์เสียชีวิต
คือวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ปีคริสตศักราช 270 และปฏิบัติสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบันนี้ เพื่อเป็นการรำลึกถึงท่านนักบุญวาเลนไทน์ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดของวันนี้คือ การมอบความรักและมิตรภาพให้แก่กันและกัน
ธรรมเนียมที่ถือปฏิบัติกันในวันวาเลนไทน์
- หลายร้อยปีก่อนในประเทศอังกฤษ เด็ก ๆ จะแต่งตัวลอกเลียนแบบผู้ใหญ่ในวันวาเลนไทน์ แล้วร้องเพลงจากบ้านหลังหนึ่งไปยังบ้านอีกหลังหนึ่ง ในเนื้อเพลงท่อนหนึ่งจะกล่าวว่า " Good morning to you, Valentine ; Curl your locks as I do mine --- Two before and three behind. Good morning to you, Valentine." - ในประเทศเวลส์ ผู้ที่มีความรักและชื่นชมในงานช้อนไม้แกะสลัก จะทำการแกะสลักช้อนและมอบให้เป็นของขวัญในวันวาเลนไทน์ โดยจะสลักรูปหัวใจ และลูกกุญแจไว้บนช้อนนั้น ซึ่งมีความหมายว่า "คุณได้ไขหัวใจของฉัน" (You unlock my heart).
- เด็กหนุ่มสาวจะทำการเขียนชื่อคนที่ตัวเองชอบแล้วหย่อนไว้ในอ่างหรือชาม แล้วหยิบขึ้นมาหนึ่งชื่อเพื่อดูว่าใครจะเป็นคู่ของตัวเองในวันวาเลนไทน์ หลังจากนั้นก็จะเอาชื่อที่หยิบได้นี้มาติดไว้ที่แขนเสื้อเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ การทำเช่นนี้มีความหมายว่า คน ๆนั้นต้องการบอกคนทั่วไปรู้ได้ง่าย ๆ ว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร
- ในบางประเทศ ผู้หญิงจะได้รับของขวัญเป็นเครื่องแต่งกายจากผู้ชาย แล้วถ้าผู้หญิงคนนั้นเก็บของขวัญชิ้นนี้เอาไว้นั่นหมายถึงหล่อนจะแต่งงานกับเขา
- บางคนมีความเชื่อว่า ถ้าผู้หญิงคนใดเห็นนกโรบิน บินผ่านเหนือศรีษะตนเองในวันวาเลนไทน์ นั่นหมายถึงหล่อนจะได้แต่งงานกับกะลาสีเรือ หรือถ้าผู้หญิงคนใดเห็นนกกระจอก หล่อนก็จะได้แต่งงานกับชายยากจนและจะมีความสุข และถ้าผู้หญิงคนไหนเห็นนก Goldfinch หมายถึงหล่อนจะได้แต่งงานกับมหาเศรษฐี
- ในบางประเทศจะมีการทำเก้าอี้แห่งรักขึ้นมา ซึ่งจะเป็นเก้าอี้ที่มีขนาดกว้าง ในครั้งแรกที่มีการทำเก้าอี้นี้ขึ้นมาก็เพื่อจะให้ผู้หญิงที่แต่งตัวในชุดราตรีนั่ง ต่อมาเก้าอี้แห่งรักนี้ได้ทำขึ้นเป็นสองส่วนและมักจะทำเป็นรูปตัวเอส (S) ซึ่งการทำเก้าอี้ทรงนี้จะทำให้คู่รักสามารถนั่งด้วยกันได้ แต่จะไม่ใกล้ชิดกันจนเกินไป
- บางธรรมเนียมในบางแห่งของโลก เด็กหนุ่มสาวจะนึกถึงชื่อของคนที่ตัวเองอยากจะแต่งงานด้วยประมาณห้าถึงหกชื่อ ในขณะที่ปอกเปลือกผลแอปเปิ้ลนั้นให้เป็นขดนั้น ก็ให้เอ่ยชื่อของคนที่นึกถึงออกมาจนกว่าจะปอกเปลือกแอปเปิ้ลได้หมดผล และเชื่อกันว่า คนที่จะได้แต่งงานด้วยนั้นคือคนที่เอ่ยชื่อถึงในขณะที่ปอกเปลือกของแอปเปิ้ลได้หมดพอดี
- และในบางประเทศมีความเชื่อว่า ถ้าหากผ่าผลแอปเปิ้ลออกมาเป็นสองซีก แล้วให้นับเมล็ดข้างในดู แล้วก็จะสามารถรู้จำนวนบุตรในอนาคตได้
สัญลักษณ์ของวันวาเลนไทน์
เด็กทารกติดปีก กำลังโก่งคันศรทองเล็งไปยังหัวใจของผู้คน ตามตำนานของกรีกและโรมันพูดถึงคิวปิดว่า เป็นบุตรของมาร์ (เทพเจ้าของสงคราม) และ วีนัส (เทพเจ้าแห่งความรักและความงาม)
ของขวัญวันวาเลนไทน์ ของขวัญที่นิยม ของขวัญแทนใจวันแห่งความรัก

ดอกไม้ ให้ความหมายของการบอกรักได้ดีที่สุด ที่ฮิตสุดเห็นจะเป็น
- กุหลาบแดง หมายถึง ความรักและความปรารถนา เป็นดอกไม้ของกามเทพ เป็นสิ่งนำโชคมาสู่ผู้หญิงที่ได้รับ
- กุหลาบขาว หมายถึง ความมีเสน่ห์ ความบริสุทธิ์ ความเงียบสงบ และนำโชคมาสู่ผู้หญิงที่ได้รับเช่นเดียวกับดอกกุหลาบแดง
- กุหลาบสีชมพู หมายถึง ความรักที่มีความสุขอย่างสมบูรณ์ที่สุด
- กุหลาบสีเหลืองหรือสีส้ม หมายถึง ความรักร้อนแรงและยาวนาน ไม่จืดจาง หวานชื่น และมีความสุข
- กุหลาบตูม หมายถึง ความรักและความเยาว์วัย
- กุหลาบบาน หมายถึง ความรักที่กำลังเบ่งบาน ความอ่อนหวาน สดชื่น
- ดอกลิลลี่สีขาว หมายถึง ความโรแมนติก อ่อนหวานระหว่างคุณและคนรัก,
- ดอกทิวลิปสีแแดง หมายถึง ความรักที่จะร่วมฟันฝ่าไปด้วยกัน และ
- ดอกไวโอเล็ต ที่แทนความหมายของการให้รักตอบแทน
-ช็อกโกแลต นักจิตวิทยาหลายคนเชื่อว่า ช็อกโกแลตเป็นตัวช่วยเสริมอารมณ์รัก และรสชาติความหวานก็เป็นสิ่งที่แทน ความรู้สึกวันแห่งความรักได้อย่างดี และยังมีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ว่าในช็อกโกแลตมีสารช่วยกระตุ้น สมองโดยออกฤทธิ์คล้าย แอมเฟตามีน เป็นตัวเบิกทางความรู้สึกลึกๆแห่งรักได้ดี
-การ์ด อันนี้เป็นของจําเป็นควบคู่ไปกับดอกไม้ และช็อกโกแลต เลือกตามแบบที่ชอบ เขียนความในใจตามแบบที่อยากให้
คนที่ได้รับอ่านแล้วเข้าใจในทันที แถมหาซื้อไม่ยากด้วย
-ตุ๊กตา เป็นสิ่งที่ให้กันได้ทุกเทศกาลอยู่แล้ว แต่พิเศษสําหรับวันแห่งความรักคงต้องเลือกสรรให้น่ารัก น่าประทับใจแทน
ความหมายได้ทุกอารมณ์แล้วแต่คุณจะหยิบแบบไหน
-เทียนหอม มาแรงในหมู่หนุ่มสาวชาวไทย ที่สื่อได้ทั้งความหมายจากรูปทรงหัวใจ และให้กลิ่นหอมชวนหลงใหล
ตามแต่ใครจะเลือกได้ถูกใจอีกฝ่ายแค่ไหน
-มื้อค่ำ ขาดไม่ได้เลยสำหรับมื้อพิเศษในวันแห่งความรัก ไม่ว่าจะเป็นสถานที่แบบไหน ในบ้าน ร้านอาหาร หรือริมทะเล
แต่ขอให้มีแต่คุณและคนรักไปกันสองคน
ไม่ว่าประวัติ และตำนานจะมาอย่างไร แต่อยากให้ทุกคนมอบความรักให้แก่กัน ความรักที่มอบให้กันในวันนี้ไม่จำเป็น จะต้องเป็นความรักแบบชู้สาว ความรักแบบไหน เราก็มอบให้กันได้ใน วันแห่งความรัก ความรักเป็นสิ่งสวยงาม หันไปบอกคนที่คุณรักแล้วหรือยัง สำหรับฉัน
....รักทุกๆๆ คน ขอให้ความรักนี้ ทำให้โลกสดใสและสวยงาม....
